การมีเพศสัมพันธ์ มีความเสี่ยงอยู่ 2 อย่างคือ เสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่พร้อม หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นได้ ก็ต้องลดความอันตราย จากความเสี่ยงนั้นแทน ด้วยการ “Safe Sex” หรือ การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คืออะไร?
การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คือ กิจกรรมทางเพศที่มีการป้องกันด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิด ใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ การตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่พร้อม
วิธีที่นิมยมในการ Safe Sex
การใช้ถุงยางอนามัย
การใช้ถุงยางอนามัย ถือว่าเป็นการ Safe Sex ขั้นพื้นฐานและปลอดภัยที่สุด เพราะนอกจากจะสามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังสามารถคุมกำเนิดได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ถุงยางอนามัย หลาย ๆ แบรนด์ก็มีการผลิตถุงยางให้มีขนาด รูปร่าง กลิ่น หรือสีสันที่ดึงดูดใจ แถมยังมีทั้งแบบเรียบ แบบขรุขระ ให้เลือกตามที่เราต้องการ
การคุมกำเนิดโดยการรับประทานยา
ยาคุมกำเนิดจะมีอยู่ 3 แบบ คือ
- ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
- ยาคุมกำเนิดแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว
- ยาคุมกำเนิดแบบที่มี ฮอร์โมนรวม (เป็นแบบที่ใช้กันมากที่สุด)
การรับประทานยาคุมกำเนิดอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะต้องกินยาทุกวันจึงมีโอกาสที่จะลืมกินได้ สำหรับผู้ที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจไม่เหมาะเพราะจะทำให้น้ำนมออกน้อยลง อาจจะใช้เป็นยากินคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยวแทน ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่หลังคลอด
การคุมกำเนิดโดยการฉีดยา
การฉีดยาคุมกำเนิด เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว ไม่ต้องกินยาทุกวัน ราคาถูก แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น เลือดประจำเดือนกระปริกระปรอยในระยะแรก แต่หลังจากนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีประจำเดือน น้ำหนักขึ้นและเมื่อหยุดฉีดยา อาจจะต้องรอประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะมีประจำเดือนและมีภาวะตกไข่ตามปกติ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะเวลาสั้น ๆ
การคุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงคุมกำเนิด
การใส่ห่วงคุมกำเนิด กลไกการคุมกำเนิด คือห่วงจะไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แพทย์จะใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้วเหลือสายห่วงออกมาจากปากมดลูกยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ดังนั้นจะต้องตรวจสายห่วงเป็นระยะ อายุการใช้งานของห่วงคุมกำเนิด คือ 3-5 ปีแล้วแต่ชนิดของห่วงคุมกำเนิด
- ข้อดีคือ ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ต้องถูกฉีดยาทุก 3 เดือน ไม่มีปัญหาเรื่องประจำเดือนผิดปกติกระปริกระปรอย ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่ทำให้เกิดสิว ฝ้ามากขึ้น
- ข้อเสียคือ ต้องคอยตรวจเช็คสายห่วงอย่างสม่ำเสมอ
การคุมกำเนิดโดยการฝังยาคุม
การฝังยาคุมกำเนิด แพทย์จะฝังหลอดยาเล็ก ๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำนวน 1หลอด, 2 หลอด หรือ 6 หลอด (แล้วแต่ชนิดของยา) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านใน จะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา
- ข้อดีคือ สามารถคุมกำเนิดได้นาน ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ถูกฉีดยาบ่อย ๆ และ ไม่ต้องเช็คสายห่วง ไม่มีโอกาสหลุดเหมือนห่วงคุมกำเนิด
- ข้อเสียคือ ประจำเดือนกระปริกระปรอย น้ำหนักขึ้น
หากไม่ได้ป้องกัน นอกจากตั้งครรภ์ เสี่ยงอะไรบ้าง ?
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางปาก ทางทวารหนัก ทางช่องคลอด หรือการสัมผัสทางผิวหนัง อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิด เช่น เอชไอวี, เอดส์, หูดหงอนไก่, ซิฟิลิส, เริม,หนองใน ฯลฯ ซึ่งบางชนิดไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และสามารถกลับมาเป็นซ้ำหรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : mahidol