เริมที่อวัยวะเพศ เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

เริม หรือ Herpes เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Herpes Simplex Virus (HSV) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ HSV-1 และ HSV-2 ที่เป็นสาเหตุของโรค เริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อเฉพาะทางเพศชนิดเฮอร์เพสชนิดที่ 2 โดยมักจะมีอาการผิดปกติที่อวัยวะสืบพันธุ์ หรือบริเวณรอบปากช่องคลอด และรูทวารหนัก โรคนี้สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้เนื่องจากเชื้อไวรัสพวกนี้มักซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย จึงมีโอกาสที่ทำให้กลับมาเป็นใหม่ได้อีกครั้งแม้จะทำการรักษาไปแล้วก็ตาม

เริมที่อวัยวะเพศ เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

Herpes Simplex Virus ชนิดที่ 2 สำหรับโรค เริมที่อวัยวะเพศ

HSV-2 พบได้ส่วนใหญ่ในบริเวณของเซลล์เนื้อเยื่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น อวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ช่องคลอด และรูทวารหนัก และสามารถถ่ายทอดผ่านทางการสัมผัส เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย (Condom) กับบุคคลที่ติดเชื้อ หรือมีการสัมผัสกับแผลที่ผิวหนัง หรือสัมผัสสารคัดหลั่งของคู่นอนที่ติดเชื้อนี้ รวมทั้งสัมผัสกับของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อ แล้วเผลอมาขยี้ตาก็อาจทำให้เชื้อเข้าสู่ทางเยื่อบุตาได้เช่นกัน

สาเหตุการเป็น เริมที่อวัยวะเพศ

เพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย

เพศสัมพันธ์เป็นช่องทางหลักที่ทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ มากที่สุด เนื่องจากมีการสอดใส่ผ่านทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก ซึ่งบริเวณนั้นค่อนข้างบอบบาง ทำให้เป็นแผล และติดเชื้อได้ง่ายมากกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย อาจทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัส HSV แม้ว่าคู่นอนของคุณจะยังไม่แสดงอาการหรือแผลให้เห็น หรือในบางครั้งที่ถึงแม้ว่าสวมถุงยางอนามัยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะไวรัสอาจอยู่บริเวณที่ถุงยางอนามัยครอบไม่ถึง เช่น บริเวณถุงอัณฑะ หรือขอบปากช่องคลอด เป็นต้น

การสัมผัสแผล เริมที่อวัยวะเพศ โดยตรง

การสัมผัสแผลหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ ก็สามารถทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อไปด้วย แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องเป็นแผลสดใหม่ และมีบริเวณเชื้อมากพอ หรือไม่ทิ้งระยะเวลายาวนานภายนอกร่างกายมากเกินไป เช่น น้ำอสุจิ น้ำลาย ตกขาว ซึ่งเชื้อที่อยู่ในสารคัดหลั่งเหล่านี้มีอายุสั้น ยิ่งการติดเชื้อนี้ผ่านผ้าเช็ดตัว การใช้ห้องน้ำ มีโอกาสน้อยมาก นอกจากจะใช้ Sex Toy ร่วมกันและไม่ได้ทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน

อาการของโรค เริมที่อวัยวะเพศ

ลักษณะอาการ อาจแสดงให้เห็นตั้งแต่ได้รับเชื้อมาแรกๆ และอาการจะหายไปได้เองประมาณ 2-3 สัปดาห์ แม้ไม่ได้รับการรักษาก็ตาม โดยเพศหญิงจะปรากฏอาการบริเวณหัวหน่าว ช่องคลอด ทวารหนัก สะโพก และเพศชายจะปรากฏอาการบริเวณองคชาต ถุงอัณฑะ ทวารหนัก และสะโพก นอกจากนี้เริมที่อวัยวะเพศ
อาจส่งผลให้เกิดอาการอื่นๆ อีกดังนี้

  • เกิดรอยแดงรอบอวัยวะเพศแต่ไม่รู้สึกเจ็บหรือคันแต่อย่างใด
  • มีอาการชาบริเวณรอบๆ อวัยวะเพศ ช่องคลอด หรือทวารหนัก
  • รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะโดยเฉพาะผู้หญิง เนื่องจากมีแผลที่อวัยวะเพศ
  • อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองบวม และอ่อนเพลีย เป็นต้น

หากพบอาการเหล่านี้ ที่แสดงอาการคล้ายว่าติดเชื้อทางเพศ แนะนำให้ไปพบแพทย์ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เพราะเชื้อไวรัสอาจแพร่กระจายจากแม่สู่ทารกขณะการคลอด หากทารกติดเชื้อจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต นอกจากนี้ อาการผิดปกติในบริเวณช่องคลอดอาจเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอด การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การพบแพทย์แม้ไม่มีอาการ เป็นวิธีการตรวจสอบโรคติดเชื้อทางเพศอื่นๆ

เริมที่อวัยวะเพศ ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย

การป้องกันการเกิด เริมที่อวัยวะเพศ

นี่คือการป้องกัน ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสทางเพศสัมพันธ์ หรือการถ่ายทอดได้:

  • งดมีเพศสัมพันธ์: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันเชื้อโรคติดเชื้อทางเพศในช่องคลอด คือ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างยากสำหรับคนส่วนใหญ่
  • สวมถุงยางอนามัย: การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง และสวมใส่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ จะสามารถลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อโรคเริมที่อวัยวะเพศได้
  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย: การมีเพศสัมพันธ์กับคนจำนวนน้อยลง สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  • พูดคุยอย่างเปิดอก: การสื่อสารกับคู่นอนประจำของคุณ ถึงเรื่องการป้องกัน และการตรวจสถานะสุขภาพทางเพศของพวกเข าสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้
  • หมั่นตรวจเลือดบ่อยๆ: การตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถช่วยตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคได้
  • ไม่มีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่กำลังรักษา: คุณควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างช่วงโรคติดเชื้อทางเพศ เนื่องจากเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสติดต่อได้ง่ายที่สุดและคู่นอนของคุณก็มีความเสี่ยงไปด้วย
  • เข้าสู่ขั้นตอนการรักษาทันที: การรับประทานยาต้านไวรัส จะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของการเกิดโรคติดเชื้อทางเพศได้และ ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคให้แก่คนที่คุณรัก
  • รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ: การล้างทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ หรือหลังอาบน้ำทุกครั้งก็ควรซับให้แห้งสนิทก่อนสวมใส่เสื้อผ้า
  • แยกของใช้ส่วนตัว: หลีกเลี่ยงการแบ่งปันของส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือใบมีดโกนหนวด กับคนที่ติดอาจจะมีเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ อยู่
  • ฉีดวัคซีนป้องกัน: ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคเริม แต่การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น HPV สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการพบกับภาวะซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อนี้ได้

อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

แม้จะยังไม่มีทางรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ อย่างชัดเจน แต่ยาต้านไวรัสสามารถช่วยจัดการอาการของโรค และลดความถี่ของการเกิดอาการ ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อผู้อื่น สำคัญที่คุณควรจะปฏิบัติตัวระมัดระวังในเรื่องของเพศปลอดภัยและเรื่องการป้องกันการแพร่เชื้อของเฮอร์เพสหรือภูมิคุ้มกันทางเพศ (STIs) หากคุณสงสัยว่าคุณมีเฮอร์เพสหรือได้รับการสัมผัสเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม