ตุ่ม PPE คืออะไร ?

ตุ่ม PPE คืออะไร

โรคตุ่มคันในคนที่เป็น HIV ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จะมีอาการแสดงหลายระดับขึ้นอยู่กับระยะติดใหม่ๆ ถ้ามีการดูแลร่างกายดี ภูมิคุ้มกันยังดีอยู่ ก็จะไม่มีอาการอะไรเหมือนคนปกติทั่วไป ถ้าไม่มีการตรวจเลือดก็จะไม่ทราบว่าผู้นั้นมีเชื้อ HIV อยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากไม่กินยาต้านไวรัส หรือปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์แนะนำ ภูมิคุ้มกันก็จะลดลง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างๆทำให้เจ็บป่วยได้ 

PPE คืออะไร?

PPE ย่อมาจาก Pruritic Papular Eruption in HIV ซึ่ง PPE นั้น มักพบในผู้ป่วย HIV ที่มีอาการมากแล้ว โดยรอยโรค PPE อาจเป็นตัวสะท้อนบอกสถานะของภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยได้ คือการมี PPE อาจหมายถึงภาวะภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยต่ำแล้ว

PPE เกิดจากอะไร?

ยังไม่ทราบกลไกการเกิดและสาเหตุ ของการเกิด ตุ่ม PPE อย่างชัดเจน เชื่อว่าเป็นปฏิกิริยาการแพ้ของผิวหนังของผู้ป่วยต่อแมลงกัดต่อยเช่นมด ยุง ดังจะเห็นได้ว่า PPE พบได้มากกว่าที่บริเวณนอกร่มผ้า

PPE ติดต่อไหม?

PPE ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ เชื้อ HIVเป็นโรคติดต่อ ควรระวัง โดยการไม่สัมผัสเลือดหนองจากแผล เพราะ เชื้อ HIV สามารถติดต่อทางสารคัดหลั่งต่างๆจากร่างกาย เข้าทางผิวหนังที่มีแผลของเราได้

ลักษณะตุ่ม PPE

  • ลักษณะเป็นตุ่มคัน คล้ายยุงแมลงกัด มีรอยแดงอักเสบ รอยดำหลังการอักเสบ อาจมีหนองจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่มาจากการเกา
  • พบได้ทั้งในและนอกร่มผ้า โดยพบที่บริเวณนอกร่มผ้าได้บ่อยกว่า
  • พบในระยะที่ภูมิคุ้มกันต่ำ คือ อาการของโรคเอดส์ เป็นค่อนข้างมากแล้ว
  • มีอาการเรื้อรัง
  • มีอาการคันมากจึงพบมีรอยเกาและมีรอยดำ รอยแผลเป็นหลังเกาอยู่
  • มักเป็นที่แขนขา มากกว่าที่ใบหน้าค่ะ

อาการของการเกิดตุ่ม PPE

หากตุ่มที่เกิดขึ้นนั้น ยุบลงภายใน 5 วัน ก็ไม่น่าใช่ตุ่ม PPE อีกทั้ง หากไม่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อก็ไม่น่าจะเป็นผู้ที่ติดเชื้อ HIV เพราะว่าตุ่ม PPE นั้น มักพบในผู้ป่วยที่เป็นติดเชื้อแล้ว และอาจจะมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด เหงื่อออกตอนกลางคืน ท้องเสียเรื้อรัง เป็นต้น 

การรักษาตุ่ม PPE

โดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการ คือ ห้ามเกา ดูแลผิวไม่ให้แห้ง กินยาแก้แพ้แก้คัน ทายาแก้คัน แต่การทายา จริงๆแล้วก็ช่วยให้หายคันชั่วคราว ถ้าจะรักษาให้ตุ่มหายและไม่คัน ควรเพิ่มภูมิคุ้มกันจะเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เพราะตุ่มนี้มาจากเมื่อภูมิคุ้มกันลดลงร่างกายติดเชื้อต่างๆแทรกซ้อนได้ง่าย จึงติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้ ทำให้เกิดเป็นตุ่มคัน และอาจมีหนอง

  • ห้ามเกา
  • ดูแลผิวไม่ให้ผิวแห้ง
  • กินยาแก้แพ้
  • ทายาสเตียรอยด์

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องที่นี่