
หลายคนอาจได้ยินชื่อโรค “หนองในแท้” และ “หนองในเทียม” กันมาบ้าง ซึ่งแม้จะมีชื่อคล้ายกันแต่มีสาเหตุการติดเชื้อ อาการ รวมทั้งการรักษาที่ต่างกัน ดังนี้

หนองในแท้
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea มีระยะการฟักตัวของโรคประมาณ 1 – 10 วัน
- อาการของผู้ชาย มีอาการปัสสาวะแสบขัด และมีหนองสีขาวขุ่นข้นไหลออกมาจากท่อปัสสาวะซึ่งในระยะแรกๆ หนองอาจจะไม่ขุ่นเท่าไร แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาตะทำให้หนองขุ่นขึ้น
- อาการของผู้หญิง มีอาการปัสสาวะแสบขัด มีตกขาวปริมาณมากและมีกลิ่นเหม็นรุนแรง เกิดการอักเสบที่ปากมดลูกและท่อปัสสาวะ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้โรคลุกลามจนก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะอุดตันในท่อรังไข่ ส่งผลให้เป็นหมันหรือมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก
การรักษาหนองในแท้ ใช้เซฟาโลสปอริน เป็นยาฉีด และให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เซฟิซีม (Cefixime) 400 มก. ครั้งเดียว

หนองในเทียม
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis มีระยะการฟักตัวของโรคมากกว่า 10 วันขึ้นไป
- อาการของผู้ชาย ระยะแรกอาจจะมีแค่เพียงรู้สึกคันที่ท่อปัสสาวะ หรือมีน้ำใสๆ ต่อมาจะเริ่มข้นขึ้นแล้วไหลออกมาทางท่อปัสสาวะโดยหนองของโรคนี้จะไม่ข้นเท่า หนองในแท้
- อาการของผู้หญิง อาจจะไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่มีแค่เพียงอาการคันและมีตกขาว
อาจมีอาการปวดแสบร้อนขณะปัสสาวะร่วมด้วย ซึ่งตรวจวินิจฉัยและรักษาได้ยาก
การรักษาหนองในเทียม ใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่ม doxycyclin azithromycin และยากลุ่มควิโนโลน อาจใช้เวลาการรักษาค่อนข้างนาน